กระดานสนทนานักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง - 

อันนี้ไม่ทราบคะว่าใครโพส แต่ขอขอบคุณในความมีน้ำใจแก่คนอื่นๆ แทนเพื่อนๆ ทุกคนด้วยค่ะ

วิธีการทำข้อสอบ EN405

ข้อสอบแบ่งเป็น 3 พาร์ท และต้องทำให้ครบทั้ง 3 พาร์ท
หากทำไม่ครบทั้ง 3 พาร์ท หรือไม่จบพาร์ทใดพาร์ทหนึ่ง อ. จะไม่ตรวจ

Part 1 Feature
Writing Features: มี 6 ตัวเลือก A-F แนวเรื่องที่จะออกก็เหมือนเดิมคือ 3แนวๆละ 2 ข้อ ให้เลือกทำ 1 ข้อ และให้เขียนอย่างน้อย 4-5 พารากราฟ
1.1 experience เขียนเล่าประสบการณ์ของตนเอง
1.2 interesting places เขียนเล่าถึงสถานที่ๆ น่าสนใจ
1.3 reviews วิจารณ์ต่าง ๆ หนังสือ/งานแฟร์/ภาพยนตร์/ละคร ฯลฯ

ข้อผิดพลาดที่ตรวจเจอจากข้อสอบเทอมล่าสุด
-ทำผิดคำสั่ง เช่น สั่งให้เขียน at least 4-5 paragraph แต่เขียนมา 1-2 paragraph ยาว ๆ
หรือ เขียน 3 paragraph
-นักศึกษาไม่ดูคำสั่ง ว่าให้ทำอะไร และไม่ปฏิบัติตาม อ.ถือว่าสำคัญ
-การใช้tenseไม่แน่น เขียนtenseสะเปะสะปะ สลับpresentบ้าง สลับpastบ้าง
-ศัพท์ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน แต่เขียนผิด เช่น mother เขียนเป็น moter ตลอดทั้ง feature
อ.ผู้ตรวจจะซีเรียสมาก และให้ Fทันที
-ใช้ verb พื้นฐาน ของภาษาอังกฤษไม่ถูกต้อง แล้วจะให้จบได้อย่างไร เช่น see, make, have, give
-แต่งประโยคพื้นฐานยังไม่เป็น แต่งแล้วใช้แต่ Verb to be ทุกครั้ง
เช่น หาก subject เป็นผู้กระทำ ประโยคควรจะเป็นรูป active form
ถ้า subject เป็นผู้ถูกกระทำ ประโยคควรจะเป็นรูป passive form
ไม่ใช่ทุกประโยคจะต้องเป็น active หรือ passive เสมอไป
- หลัง to ซึ่งเป็น infinitive แต่กลับตามด้วย V3 ซึ่งรูปแบบนี้ไม่มีในไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ
- Should to แล้วตามด้วย verb ผิดหลักไวยกรณ์
- อ.ผู้ตรวจ จะรู้สึกโกรธ ผิดหวัง และรับไม่ได้ หาก น/ศ ยังไม่รู้ว่า สิ่งที่ควรจะตามหลัง verb ที่ใช้อยู่นั้น ควรจะเป็นอะไร เพราะ EN405 เป็นเล่มสุดท้าย
- Verb ต่างๆ มีกฎและระเบียบการใช้ของมันอยู่ ต้องใช้ให้ถูกต้อง ซึ่งมีอยู่ใน EN205

สิ่งที่ อ.เน้น/สอน
- ให้ทบทวนคำสั่งว่าเข้าใจหรือเปล่า และให้ repeat หรือ refer ตัวคำสั่งลงในข้อสอบด้วย เพื่อยืนยันว่าเราเข้าใจคำสั่ง
- นักศึกษาที่สอบผ่าน จากเทอมที่ผ่านมามักจะเลือกเขียน interesting places เพราะมันเป็น fact เป็นเรื่องของปัจจุบันกาล ซึ่งเขียนง่ายกว่า แต่นักศึกษาส่วนใหญ่เลือกเขียนประสบการณ์เพราะคิดว่าง่ายกว่า
- ทุกชนิดใน feature จะแบ่งออกเป็น 3 ตอน ควรเขียนให้มีแบบแผน คือ ตอนต้นมี อรัมภบท
every type of features: 3 parts – introduction, body, conclusion
- 1 paragraph บังคับให้มี 5-8 ประโยค แต่ไม่ได้บังคับว่าต้องเป็นประโยคอะไร เขียนเป็นประโยคโครงสร้างง่ายๆ ไม่ต้องใช้ vocab หรือโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน แต่เน้นให้เขียนศัพท์และไวยกรณ์ให้ถูกต้อง
- introduction และ conclusion อนุญาตให้เหมือนหรือคล้ายกันได้ แต่ body ถ้าเหมือนแสดงว่า ไปท่องจำมา อ.ไม่ให้ผ่าน
- ต้องรู้โครงสร้างภาษาและ pattern เช่น verb ตัวนี้ ต้องตามด้วยอะไร
เช่น - remind someone + of something
- give someone + something
- give something + to someone
- make ใช้ได้หลายแบบ
- verb ที่มีกรรมทั้งหลาย
- have ใช้ได้หลายแบบ
- ใช้เป็นสำนวน
- เช่น I have my hair cut, I had my hair cut ฉันไปตัดผม (ไปตัดผมที่ร้าน ให้เค้าตัดให้)
- ใช้เป็นกริยาที่แปลว่ามีก็ได้
- see + obj. + Vไม่ผัน (simple form)
+ Ving (ถ้า tense ให้)
+ V3
+ adj.
เช่น - We saw a man standing in the corner.
เราเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงมุม
- We saw a boy beaten by a group of gangsters.
เราเห็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งถูกทุบตีโดยกลุ่มวัยรุ่น
เหล่านี้เป็น basic ของภาษาอังกฤษ แต่ น/ศ ยังใช้กันไม่เป็น ต้องท่องเป็น pattern ไว้เลย
- introduction และ conclusion หากสั้นหน่อยก็พออนุโลมได้ แต่ body ต้อง 5 ประโยคขึ้นไปเท่านั้น
- body อาจแตกเป็น 2 หรือ 3 paragraph ก็ได้ แล้วแต่เราจะเขียน